วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ทูน่าสลัด...(แซนวิสทูน่า) ง่ายๆโดนใจ


สวัสดีช่วงปลายๆเดือนนะคะ วันนี้เอาเมนูง่ายแสนง่ายมาฝากจ้า คือว่ามีอยู่วันหนึ่งได้ไปงานปาร์ตี้ แล้วก็ได้กินทูน่าสลัดแบบเอามาทาขนมปังนะ เหมือนแซนวิสนะ ติดใจเพราะว่าเป็นอะไรที่กินง่ายๆสไตล์ฝรั่ง ก็เลยไปตามหาซื้อตามร้านขายของ ซื้อมากินสองครั้งสามครั้งรู้สึกว่ามันแพงจัง เลยมานั่งดูว่าเค้าใส่อะไรบ้าง จึงได้สูตรง่ายๆแต่อร่อยไ่ด้ใจเลย

ส่วนประกอบ

ทูน่า ( ในน้ำหรือน้ำมันก็ได้ ) 1 กระป๋อง
มายองเนส 4 ช้อนโต๊ะ
มัสตาร์ด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำสลัด ( ไม่ใส่ก็ได้ )
ธัญญพืช ( ตามชอบ วันนี้ใส่ หอมหัวใหญ่ แตงกวา ปาริก้า อยากใส่ข้าวโพดแต่ลืมซื้อ )

วิธีทำ

เอาเนื้อปลาทูน่ามายีให้ละเอียด( แต่ไม่ต้องละเอียดมาก ) หั่นธัญพืชชิ้นเล็กๆใส่ลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นใส่มายองเนส มัสตาร์ด ลงไปคนให้เข้ากันเป็นอันว่าเสร็จแล้ว ลองชิมดูตามชอบถ้ารสชาตยังไม่โดนใจก็ใส่เกลือ น้ำตาล หรือว่าน้ำมะนาวลงไป แต่วันนี้มีน้ำสลัดที่เหลืออยู่เลยใส่น้ำสลัดเลย อิอิ มั่วไปได้เรื่อยๆ บางครั้งถ้าอยากได้ึความหวานแบบว่าไม่ใช่น้ำตาลก็ใส่นมข้นหวานไปก็ได้ ยิ่งอร่อยเข้มข้นเข้าไปอีก จากนั้นก็เอาไว้ทาขนมปังกินได้หลายวันเลย

วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ไส้กรอกอีสาน ( เปรี้ยว)


สวัสดีจ้าคุณแม่บ้านทั้งหลาย จากที่ไปบ้าโปรแกรมแต่งรูปมาซะหลายสัปดาห์ คราวนี้ก็ขอกลับเข้าครัวเหมือนเดิม ช่วงนี้ออสเตรียเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อากาศก็เริ่มหนาวลงเรื่อยๆ ได้สัมผัสแดดบ้างก็ตอนบ่ายๆ แต่ก็ยังหนาวอยู่ ที่เกริ่นเรื่องอากาศไม่ใช่เพราะว่าอะไีรหรอกนะคะ วันนี้เราจะเอาเมนูไส้กรอกอีสานเปรี้ยวๆทันใจแบบว่าไม่ต้องตาแดดมาฝากไงละคะ จะว่าไปเมนูไส้กรอกอีสานเนียะ ทำมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว รู้สึกว่ายังไม่ประทับใจตัวเองเท่าไหร่ เพราะว่าจริงๆชอบไส้กรอกอีสานแบบเปรี้ยวๆ ทำทีไรไม่เปรี้ยวซะที แต่คราวนี้รู้สึกว่าทำแล้วโอเค เป็นที่น่าพอใจเลยต้องรีบมาเขียนสูตรไว้ ( ไม่ให้ตัวเองลืม อิอิ ) และใครสนใจอยากเอาไปใช้บ้างก็ไม่หวงนะคะ

ย้อนไปเมื่อเดืือนที่แล้วที่สามีสุดที่รักทนเสียงรบเร้าจากภรรยาไม่ไหว ( น่าจะรำคาญมากกว่า เหอ เหอ ) เพราะว่าอยากให้สามีโทรไปสั่งไส้อ่อนหมูเพื่อมาทำยำไส้ตันแต่พอไปค้นหาดูแล้วว่าไส้อ่อนหมูจริงๆมันคือรังไข่ของหมูตัวเมียนั่นเอง จากนั้นก็ไปเปิดหาคำศัพท์ว่าภาษาเยอรมันเรียกว่าอะไร พอไปบอกสามี เค้าก็ิอึ้งนิดๆ สงสัยจะคิดว่าเรากินแต่ของแปลกๆ สุดท้ายสามีก็ต้องโทรสั่งให้ สรุปที่ร้านบอกว่าไม่มีขาย สามีกลัวเสียเที่ยวเลยสั่งไส้แบบเอาไว้ทำไส้กรอกมาให้แทน เฮ่ย เยอะมากยังกะสั่งมาประชดเลย แต่ดีที่ไส้ที่นี่ซื้อมาจะทำไส้กรอกก็ใช้ได้เลยไม่ต้ิองมาล้างเหมือนไส้บ้านเรา แต่ระวังอย่างเดียวคือเรื่องความเค็มเพราะว่าเค้าจะใส่เกลือไว้แล้ว พร่ำมาเยอะแล้ว เดี๋ยวมาเอาสูตรไส้กรอกกันเลยดีกว่า

ส่วนประกอบ

หมูบดติดมัน ( เนื้อกะมันหมูติดหนังครึ่งๆ) 600 กรัม
ข้าวเหนียวนึ่งสุก 280 กรัม
ตะไคร้ 2 ต้น ( ใครไม่ชอบไม่ใส่ก็ได้ )
กระเทียม( หัวเล็ก) 4 หัว
เกลือ 3 ช้อนชา
รสดีหมู 2 ช้อนชา
ไส้หมู 3 เมตร
ผงหมักแหนม 4 ช้อนชา
ผงชูรส นิดหน่อย

วิธีการทำ

1.) นำหมูบดที่เตรียวมไว้ไส่ชามใบใหญ่ จะได้คลุกเค้าง่ายๆ จากนั้นโขลกตะใำคร้ โขลกกระเทียว ( ให้แยกโขลก ) ใส่ลงไปในหมูที่เตรียมไว้ ใส่ เกลือ รสดี ผงหมักแหนม ผงชูรส( ถ้าใครไม่ใส่ก็ได้ ) คลุกเคล้าให้เข้ากันกับหมูบด
2.) ใส่ข้าวเหนียวที่เตรียมไว้ลงไปคลุกให้เข้ากัน ( ข้าวเหนียวถ้าติดกันเป็นก้อนมากควรใส่น้ำลงไปนิดหน่อยในข้่าวเหนียวเพื่อข้าวเหนียวจะได้แยกเม็ดแล้วค่อยนำไปคลุกกะหมู )
3.) นำหมูที่ได้ไปยัดใส่ในไส้ ตอนยัดมีอุปกรณ์ช่วยคือตัดปากขวดพลาสติกมาช่วย จะได้ยัดง่ายขึ้น เมื่อยัดเสร็จแล้วก็มัดเป็นข้อๆ ใส่ตู้เย็นไว้ แค่ข้ามคืนไส้กรอกก็เปรี้ยวนิดๆ เอามาย่างกินได้แล้วล่ะ ถ้าใครอยากให้เปรี้ยวมากก็ทิ้งไว้อีกสักวันก็ได้ ......เฮ่ย เสร็จแล้ว ใครอยากมาชิมบ้าง จะได้มารับรองรสชาตให้หน่อยว่าอร่อยหรือเปล่า ฮ่าๆๆๆ

วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สวยด้วย Gimp






สวัสดีเพื่อนเริ่มเดือนตุลาคม เดือนนี้ขอออกนอกเรื่องการทำอาหารกันนิดหนึ่ง แต่เราจะมาว่ากันด้วยเรื่องความงาม อิอิ ไม่ใช่มาโฆษณาครีมหน้าขาวนะคะ พอดีว่าตอนนี้กำลังบ้าโปรแกรมการแต่งภาพชื่อ Gimp มีหลายคนถามว่ายากกว่า Photoshopไหม ? อันนี้ไม่ทราบเลยคะ เป็นแค่มือใหม่หัดเขียน เพราะว่าจริงๆไม่เคยเรียนการแต่งรูปมาก่อน สำหรับโปรแกรม Gimp ก็เรียนเองหัดทำผิดทำถูกไปเรื่อย เป็นงานอดิเรก จนรู้สึกว่าเวลา มันช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน แต่มาดูกันดีกว่าว่า สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเรียนเองทำเอง ทำอะไรได้บ้างยังไงต้องขอขอบคุณนางแบบสามคนที่อนุญาตให้เอารูปมาโชว์ในบล็อกให้ดูกัน พี่หนิงและพิ้งกี้คะ ส่วนตัวรูปตัวเองไม่เอามาแต่งสวยนะ เอามาแต่่งผีจะดูดีกว่า เหอ เหอ

จริงๆแล้วโปรแกรมทำได้หลายอย่างมากเลยคะ แต่ว่าตอนนี้ยังงูๆปลาๆ ดูกันออกหรือเปล่าว่าศันยกรรมตกแต่งอะไีรให้กับสาวๆกันบ้่าง

1. ลบเลือนริ้วรอยต่างๆ
2. เปลี่ยนสีตา
3. เปลี่ยนสีผม
4. เสริมจมูกตัดปีกจมูก
5. ตัดริมฝีปาก
6. ตัดกาม ตัดโหนกแก้ม
7. แต่งหน้า(ทาปาก ปัดแก้ม เขียนขอบตา เขียนคิ้ว ใส่ขนตา )
8. ทำตาโต
9. แต่งทำเขี้ยวแวมไพร์

นอกจากนี้สามารถทำมากมายหลายอย่างแต่ว่าตอนนี้ขอตัวไปเรียนฝึกฝนให่เก่งๆก่อน เผื่อจะมาผลงานมาโชว์ให้ดู ถ้าไม่ขี้เกียจซะก่อน เหอ ๆ

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

ง่ายๆกับการทอด ตือคาโค ( ขนมขาหมู )



วันนี้อิ่มท้องจากขนมขาหมูแล้ว เลยเอาไอเดียร์ง่ายๆ สำหรับอุปกรณ์ทีุ่ตามหามานาน สำหรับการทอดขนมขาหมู อิอิ วันหนึ่งบ่นๆกะเพื่อนๆอยากกินขนมขาหมูจังเลย ค้นหาสูตรกันตามอินเตอร์เนต จากนั้นเพื่อนบอกมีสูตรแล้วอุปกรณ์ที่จะทอดทำไงดี แต่ละคนกลับไปค้นอุปกรณ์เครื่องครัวเจออะไรบ้าง เฺ่ฮ่ย.... ไม่เจอ เพื่อนๆว่าถ้าจะทำแป้งข้นๆแล้วปั้นเอา ลงไปทอดจะเป็นยังไง อือ เอาไว้ให้หาอุปการณ์ไม่ได้จริงๆก่อนละกัน

เราเองก็ไปเดินวนเวียนในครัวตั้งหลายรอบ เออ จะทอดได้ก็คงเป็นแสตนเลสนะ มองไปเห็นทัพพีตักซุปแม่สามีเป็นแสตนเลส แขวนอยู่หลายอันเลย ว๊าวววววว บรรเจิดเลย ใจร้อน อยากลองทอดไวไว ค้นหาสูตร เตรียมของ ทำน้ำจิ้มเสร็จ อิอิ เออ น้ำจิ้มอร่อยใช้ได้ พอเตรียมแป้งเสร็จ ตั้งกะทะใส่น้ำมัน ลุ้นๆ คงไม่ติดทัพพีจนแงะไม่ออกนะ พอน้ำมันร้อน เริ่มเอาทัพพีลงไปแช่น้ำมัน สักพักยกขึ้นมาแล้วเอาแป้งที่เตรียมไว้ตักใส่ทัพพีลงไปทอดในน้ำมัน พอเหลืองสักหน่อย ลองเอามีดแงะ อ้าวหลุดออกมาจากทัพพีง่ายมาก โห งามจริงๆ ( เวอร์ไปนิดหน่อย ) จากนั้นก็เอาขนมที่หลุดออกมาลงไปทอดใรน้ำมันอีกครั้งจนเหลืองกรอบ ทำต่อไปเรื่อยๆตอนแรกใช้มีดแงะ หลังๆมาไม่ต้องแล้ว พอเหลืองหน่อย แข็งๆหน่อย ก็เอาออกมาเคาะสองทีขนมก็หลุดออกมาจากทัพพีแล้ว ง่าย และงาม อย่างที่เห็นนี่แหละจ้า

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

ปีกไก่ปะทะไส้อั่ว



เริ่มต้นเดือนกันยายน มีเมนูืที่เกิดแัีัรงบันดาลใจมาจากเพื่อนคนหนึ่ง โทรศัพท์มาหาแล้วบอกอยากกินไส้อั่ว แต่ว่าไม่มีใส้จะทำไงดี นั่นซิจะทำไงดีละ อือ...ด้วยความคิดอยากช่วยเพื่อนให้ได้กินไส้อั่ว ก็คิดได้ว่าตอนอยู่เมืองไทย เึคยกินปีกไก่ยัดไส้ชอบมากๆเลย แล้วถ้าเอาสูตรไส้อั่วแล้วเอามายัดไส้ปีกไก่มันคงอร่อยไปอีกแบบ ได้กินทั้งปีกไก่ แุถมได้กินไส้อั่วไปด้วยในตัว โอ้ๆ ความคิดบรรเจิดมาก ว่าแล้ววันนี้ก็มีเวลาและโอกาสที่จะลงมือทำซะที

ส่วนประกอบ

เนื้อหมูบดติดมัน 230 กรัม
ปีกไก่ 6 ปีก
ใบมะกรู 4 ใบ
ตะใคร้ 2 ต้น
ผักชี(ลาว )ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ
พริกแห้ง 3 เม็ด
ข่า 4 แว่น
หอมแดง 5 หัว
กระเทียม 1 หัว ( เล็กๆ)
กะปิ 1 ช้อนชา
เกลือ ครึ่ง ช้อนชา
น้ำมันหอย ชูรส รสดี แป้งโกกิ นิดหน่อย

วิํธีทำ

สูตรนี้ก็ไปหาการทำไส้อั่วจากในอินเตอร์เนตแต่ว่าด้วยความชอบส่วนตัวที่ชอบพวกเครื่องเทศเยอะๆก็เลยไม่ได้ใช้ตามสูตรที่ได้มาแต่จะเน้นเครื่องเทศหน่อย ใครชอบไม่ชอบก็ลดปริมาณได้ เขียนมาถึงตอนนี้ขอเขียนเพิ่มเติมอีกนิดหนึ่งสูตรอาหาร ที่ลงๆกันไว้เนี่ยนะ ไม่ใช่ว่าพอทุกคนเอาไปทำแล้วมันจะรสชาตเดียวกันเปะ บางครั้งมันก็ขึ้นอยู่กะรสมือของแต่ละคนด้วย ซึ่งเคยได้ยินเพื่อนบางคนบ่นว่าทำตามอินเตอร์เนตแล้วไม่อร่อย อันนี้ที่จริงมันก็ต้องขึ้นอยู่กะแต่ละคนด้วย แต่สูตรนี้การันตีด้วยแม่สามีคะว่าอร่อย เหอ เหอ

1. ก่อนอื่นเรามาเตรียมปีกไก่กันก่อน เละเอากระดูกไก่ออกจากปีกไ้ก่แต่ว่ายังคงเป็นรูปปีกไก่นะคะจะได้เอาหมูยัดได้ ไม่ได้เอารูปตอนที่เลาะกระดูกออกมาลง จริงๆตอนแรกคิดว่าจะยากแต่ว่าไม่อยากเลย พอได้ปีกไก่แล้วก็หมักกับน้ำมันหอยแล้วพักไว้
2. ตำข่า ตำใคร้ หอมแดง กระเทียม พริกแห้ง ใบมะกรูด รวมกันให้ละเอียด จากนั้นใส่หมูลงไปคลุก ตามด้วยเกลือ กะปิ รสดี ชูรส คลุกทุกอย่างให้เข้ากัน จากนั้นใส่ผักชีและต้นหอมคลุำำำกให้เข้ากัน
3. นำหมูที่เตรียมเสร็จแล้วไปยัดปีกไก่ที่เตรียมไว้ เมื่อยัดเสร็จแล้วใส่แป้งโกกิคลุกนิดหน่อย จากนั้นก็นำไปทอด โอ้......และแล้วก็ได้กินทั้งไก่ทอดและไส้อั่วไปพร้อมๆกัน มีเชลชวนชิมคนไหนจะมาช่วยชิมบ้างไหมเอ่ย

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ความสุขเล็กๆ




สวัสดีปลายเดือนสิงหาคม วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก อีกไม่นานก็เข้าฤดูใบไม้ร่วงและต่อไปก็ฤดูหนาว เฮ่ย…ยังไม่อยากคิด วันนี้ไม่มีสูตรเมนูอาหารมาฝาก แต่ว่าเอาความสุข ความภูมิใจ มาฝากกันคะ ต้องรีบเอามาฝากแปะไว้ก่อน เดี๋ยวมันจะหายไปกับหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง บางที คนเรา อาจจะ มองไม่เห็นว่าสิ่งเล็กๆ น้อยๆบางอย่างที่อยู่ไม่ไกลตัวเรา มันก็ทำให้คนเรามีความสุขได้เหมือนกัน จริงๆก็เป็นลูกชาวไร่ ชาวนา ธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่เรื่องปลูกผัก ทำสวน ไม่เคยได้กินเลย ปลูกทีไร ถ้าไม่ตาย ก็ไม่โต พอมาอยู่ไกลบ้านแบบนี้ รู้แล้วว่า การปลูกผักจะได้กินหรือเปล่า มันต้องใส่ใจดูแล มันถึงจะได้ผล เพราะว่านอกจากเรื่องดินฟ้าอากาศของที่นี่แล้วยังมีศัตรูตัวร้าย คือตัวทากที่หลังฝนตกจะมากันเป็นกองทัพ บางครั้งใช้ยาไปหว่านตายกันเป็นเบือ แต่ .....

บางครั้งก็อดขำตัวเองไม่ได้ว่า บ้าไปหรือเปล่า บางคืนสี่ทุ่มห้าทุ่ม ยังเอาไฟไปส่องหาจัดการกำจัดตัวทาก อารมณ์แบบว่าไปส่องจับกบจับเขียดประมาณนั้น แต่บางทีไม่ได้ไปดูวันสองวันเท่านั้นแหละต้นพริกก็เหลือแต่ตอ มันน่าเจ็บใจ แต่ก่อนไม่กล้าจัดการกำทากพวกนี้เพราะว่าสงสาร แต่ตอนนี้กลางเป็นนางมารร้ายไม่เคยปราณีทากน้อยอีกแล้ว เจอเมื่อไหร่จัดการเรียบ(โหดไปไหมเนี่ยะ )

เออ จริงๆแล้วผักที่ปลูกมันก็ใช่ว่าจะได้ผลผลิตอะไรมากมายนะ แต่ว่าเห็นแล้วมันก็มีความสุขที่ได้ดูการเจริญเติบโต ออกดอกออกผลของมัน ที่สำคัญเมล็ดพันธุ์ แม่เก็บหาให้จากสวนที่เมืองไทย พอแม่รู้ว่าเราเอามาปลูกได้มันก็พลอยทำให้แม่มีความสุขไปด้วย แล้วถ้ามันได้ผลผลิต ก็คิดว่าจะเอาไปแบ่งปันเพื่อนๆ อือ คิดแล้วมันก็มีความสุขไปอีกขั้น จริงๆมันก็เป็นเรื่องเล็กที่ทำให้คนตัวเล็กๆมีความสุข อิอิ

รูปที่เอามาอวดเนี่ยะ จริงๆไม่ได้ปลูกคนเดียวหรอกนะคะ บางอย่างแม่สามีปลูกก็แอบถ่ายรูปมาลง แต่ยังไงก็ช่วยๆกันดูแลแหละ ว่าแล้วในสวนมีผักอะไรบ้าง ฝักทองไทย อันนี้ซื้อซองเมล็ดมาเองจากไทย ตะใคร้ ได้ต้นพันธุ์มาจากพี่นาพี่สาวผู้ใจดี ต้นพริก ซื้อพริกสดมาจากเมืองไทยบังเอิญมาถึงแล้วมันเน่า เลยเอามาตากแล้วเพาะดูไม่น่าเชื่อเกิดให้ด้วย ขิงบ้าน ป็นขิงบ้านเรานะใบหอมมาก เอาไว้ใส่ซุปหน่อไม้ หิ้วแง่งมันมาจากเมืองไทยเลย คราวหน้าคงจะเอาข่ามาด้วย น่าจะดีเพราะว่าข่าขายตามร้านแพงมาก บวบไทย ใบโหรพา และใบแมงลัก สามอย่างนี้แม่เอาเมล็ดจากสวนที่ไทยห่อใส่ถุงให้มา เสียดายที่กะเพาไม่ขึ้น ผักชีไทย อันนี้ก็เอาเมล็ดมาจากไทยเอง ปลูกจนได้เมล็ดพันธุ์มากมายแจกจ่ายให้คนอื่นไปปลูกด้วย ปีนี้ต้นสูงใหญ่มาก ผักชีลาว จะว่าไปคนที่นี่เค้าก็กินเหมือนกันเมล็ดพันธ์มีขายทั่วไป สะระแหน่ ที่นี่มีขายแบบเป็นต้นๆเยอะมากมีหลายพันธุ์ให้เลือก อันนี้ซื้อมาปีที่แล้วคิดว่ามันจะตายซะอีกปีนี้แตกกออย่างงาม นอกจากนั้นก็มี ถั่ว แตงกวา มะเขือเทศ ซุคีนี่( บวบฝรั่ง ) บลูเบอรี่ ต้นหอม กระเทียม กระหล่ำดอก และกระหล่ำม่วง อันนี้แม่สามีปลูกคะ จากนี้ก็รอดูต่อไปว่า บวบกะฟักทองไทยจะออกลูกมา โตให้ได้กินทันก่อนหน้าหนาวที่จะมาถึงไหม……………

วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

น้ำำพริกหนุ่ม


คราวที่แล้วเอาสูตรแคปหมูมาฝากกันแล้ว คราวนี้ก็เอาสูตรน้ำพริกหนุ่มมาฝากจ้า สูตรนี้ไม่รู้ว่าจะเหมือนสูตรเมืองเหนือหรือเปล่า แค่กินแล้วอร่อยใช้ได้เลยเอามานำเสนอ แต่ว่า...อร่อยเพราะว่าำพริกก็ไม่รู้นะ ฮ่าๆๆ เมื่อวานได้พริกหนุ่มจากเพื่อน เพิ่งกลับมาจากบัลแกเรีย พริกหนุ่มสดๆ ก็ส่งกลิ่นหอมมากเลย เพื่อนบอกราคาไม่แพง กิโลกรัมละประมา๊ณ 1 ออยโร แต่ถ้าอยู่ออสเตรียเคยไปซื้อตามตลาดก็ 20 เซ็นต์ต่อเม็ด แุถมกลิ่นไม่หอมด้วย งั้นมาลงมืิอทำกันเลยแล้วกันนะจ๊ะ น้ำพริกหนุ่มสูตรมุกเอง

ส่วนประกอบ

1 ) พริกหนุ่ม 4 ขีด
2 ) หอมหัวใหญ่ 3 หัว ( หัวไม่ใหญ่มาก )
3 ) กระเทียม 2 หัวใหญ่
4 ) น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
5 ) เกลือ 2 ช้อนชา
6 ) ชูรส นิดหน่อย ( แล้วแต่ชอบ )
7 ) น้ำมะขาม 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1 ) ย่างหอม กระเทียม พริกหนุ่ม วันนี้ใช้เตาอบแต่เมนูย่างค่ะ 100 องศา ประมาณ 40 นาที หรือว่าใครจะใช้เตาแบบอื่นย่างก็แล้วแต่นะคะ หอมใหญ่ก็ย่างทั้งหัวเลยคะ ไม่ต้องหั่นเพราะว่าจะมีกลิ่นหอมกว่า แต่ใครมีหอมแดงก็ยิ่งดีนะคะ กลิ่นจะได้หอมมาก แต่วันนี้ใส่หอมหัวใหญ่มีข้อดีก็ได้รสหวานหัวหอมคะ ส่วนกระเทียมก็เช่นกันย่างทั้งหัวเลยคะ ตอนย่างเปิดดูกลับให้สุกทั้งสองด้านจ้ัะ จับดูว่านิ่มๆที่จะตำไ้ด้ ไหม้นิดๆ กลิ่นหอมดีคะ
2 ) แกะกระเทียมปลอกเปือกให้หมด หั่นหอมเป็นชิ้นเล็กจะได้ตำง่ายค่ะ ใส่ทุกอย่างลงในครกโขลกให้ละเอียดจากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา เกลือ น้ำมะขาม ชูรส ชิมดูใครอยากเพิ่มเติมอะไรก็ตามใจนะคะ

วันนี้ตอนทำลืมถ่ายรูปเครื่องปรุงทั้งหมด ที่สำคัญรูปพริกหนุ่มจากบัลแกเรียก็ลืมถ่่ายไ่ว้ด้วยเสียดายๆๆ

วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553

หมกหน่อไม้ห่อด้วยใบฟักทอง


วันนี้อากาศหนาวๆฝนตกทั้งวันเลย คิดถึงบ้านขึ้นมาทันที ช่วงนี้หน้าฝนบ้านเราหน่อไม้สดๆคงกำลังออก เฮ่ย คิดถึงบ้านๆๆๆๆ งั้นวันนี้ก็เอาเมนูหมกหน่อไม้ใส่หมูสามชั้นมาทำเผื่อว่ากินแล้วจะรู้สึกหายคิดบ้านบ้าง และวันนี้ไม่ได้ห่อด้วยใบตองนะคะห่อด้วยใบฟักทองในสวนที่บ้านนี่แหละหมกแล้วกินได้ทั้งใบฟักทองเลย กินคนเดียวก็คงไม่อร่อยโทรหาเพื่อนสาว พรุ่งนี้ันัดกันไปปิคนิค หมกหน่อไม้ ส้มตำปลาร้า หมูปิ้ง ข้าวเหนียว อร่อย แง๋มๆๆๆๆๆๆ

ส่วนประกอบ

1 ) หน่อไม้ในใบญ่านาง 300 กรัม
2 ) หมูสามชั้น 100 กรัม
3 ) พริกสดแดง 7 เม็ด
4 ) ข้าวเหนียวแช่ 2 ช้อนโต๊ะ
5 ) รสดีรสหมู 1 ช้อนชา
6 ) น้ำปลา 3 ช้อนโ๊ต๊ะ
7 ) ปลาร้าครีม 3 ช้อนโต๊ะ
8 ) ใบฟักทอง 4 ใบ
9 ) ใบแมงลัก

วิธีทำ

วันนี้ใช้หน่อไม้ในน้ำใบญ่านาง เศร้าใจนิดหน่อยที่ใบญ่านางแสนจะจืดจางถ้าอยู่เมืิิองไทยใช้ใบญ่านางสดๆตำเลย เข้มข้นกลิ่นหอม
1 ) เปิดกระป๋องหน่อไม้ออกมาก็จัดการหั่นหน่อไม้ให้้เป็นริ้วๆ ส่่วนน้ำใบญ่านางที่เหลือในกระป๋องก็เก็บแช่แข็งไว้ครั้งต่อไปก็ ( ประหยัดดี อิอิ )
2 ) หั่นหมูสามชั้นเป็นชิ้นเล็กๆ แช่ข้าวเหนียวไว้ก่อนเลยสักครึ่งชั่วโมง
3 ) ตำพริก ข้าวเหนียวให้ละเอียดจากนั้นใส่ปลาร้า น้ำปลา รสดี หมูและ หน่อไม้โขลกรวมกััน ลองชิมดูรสชาต ถ้าไม่ถูกใจจะเพิ่มเติมไรก็แล้วแต่จ้า
4 ) นำไปฟักทองมาห่อใส่ใบแมงลักเข้าไปด้วย ใครที่ชอบใบแมงลักก็สามารถที่จะใส่ตอนที่โขลกเครื่องทั้งหมดรวมกันก็ไ้ด้นะคะ
5 ) จากนั้นก็นำไปนึ่งคะ สังเกตดูว่าใบฟักทองสีเปลี่ยนไปออกเขียวเข้มๆก็คือใช้ได้แล้วล่ะคะ ( ประมาณ 1 ชั่วโมง )หรืิอจะลองหยิบออกมาชิมก่อนซักห่อ

วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข้อคิดดีๆ

สวัสดี เพื่อนๆ สำหรับต้นเดือนสิงหาคม เริ่มต้นเดือนนี้ยังไม่ได้มีรายการอาหารมาฝากเพื่อนๆแต่ว่าบังเอิญได้รับเมลฟอร์เวิร์ดมาจากน้องสาว อ่านแล้วทำให้เข้าใจสัจจะธรรมของชีวิตและใช้เตืิอนสติในการดำเนินชีวิตได้ ไม่รู้ว่าต้นฉบับเมลมาจากใครที่ไหนแต่ว่าต้องขอขอบคุณ และขออนุญาต ที่จะเผยแำพร่ข้อความนะคะ

โลกกลมๆ ใบนี้ ไม่มี อะไรได้มา ฟรี
ของ ฟรีไม่เคยมี ของ ดีไม่เคยถูก
อยู่ให้ ไว้ใจ ไปให้ คิดถึง
คน
เราต้องเดินหน้า เวลา ยังเดินหน้าเลย
ไม่ต้องสนใจ
ว่าแมวจะสีขาวหรือดำ ขอให้ จับหนูได้ก็พอ
ยิ่งมี ใจศรัทธา ยิ่งต้องมีสายตาที่ เยือกเย็น
ในโลกกลม ๆ ใบนี้ ไม่มีคำว่า แน่นอน
คนเรา
เมื่อ ตัวตาย ก็ต้องลงดิน
ท้อแท้ได้ แต่อย่าท้อถอย อิจฉาได้ แต่อย่าริษยา พักได้ แต่อย่าหยุด
เหตุผล
ของ คน ๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่ของ คน อีก คน หนึ่ง
ถ้าไม่ลอง
ก้าว จะ ไม่มีวันรู้ ได้เลยว่า ข้างหน้าเป็นอย่างไร
หนทาง
อันยาวไกลนับหมื่นลี้ ต้อง เริ่มต้นด้วยก้าวแรก ก่อนเสมอ
ปัญหา
ทุกอย่าง อยู่ที่ ตัวเรา ทั้งสิ้น
จะเห็นค่า
ของความอบอุ่น เมื่อผ่าน ความเหน็บหนาว มาแล้ว
อันตราย
ที่สุดคือ การคาดหวัง

เริ่มต้นดีแล้ว ลงท้ายก็ต้องดีด้วย
อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่

จง ใช้สติ อย่าใช้อารมณ์
เบื้องหลัง ความเข้มแข็ง สมควรมี ความอ่อนโยน
ไม่มีคำว่า บังเอิญ ในเรื่องของความรัก มีแต่คำว่า ตั้งใจ
ยินดี
กับสิ่งที่ได้มา และ ยอมรับ กับสิ่งที่เสียไป

หลังพายุ
ผ่านไป ฟ้า ย่อม สดใส เสมอ
หลังผ่าน ปัญหา จะรู้ว่าปัญหานั้น เล็กนิดเดียว
ไม่เป็น
ขุนนางนะ ได้ แต่ไม่เป็น คนไม่ได้
มีแต่ วันนี้ ที่มีค่า ไม่มี วันหน้า วันหลัง
เมื่อวาน
ก็สายเกินแล้ว พรุ่งนี้ ก็ สายเกินไป
อย่าหวัง
ว่าจะได้รับความรัก จากคนที่คุณรัก
เพราะคนที่ คุณรัก ไม่ได้ รักคุณ หมดทุกคน


เพื่อนทั่วไป
ไม่เห็นคุณร้องไห้
เพื่อนแท้
มีหัวไหล่ไว้คอยซับน้ำตาให้
เพื่อนทั่วไป
ถือขวดไวน์ติดมือมางานปาร์ตี้ของคุณ
เพื่อนแท้
จะมาแต่หัววันเพื่อช่วยเตรียมงาน
เพื่อนทั่วไป
คาดหวังให้คุณเคียงข้างเขาเสมอ
เพื่อนแท้
คาดหวังที่จะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป

แล้วเจอเพื่อนแท้ หรือยังนะ ......

คนเราก็แค่นี้แหละ จะสุขจะทุกข์ก็อยู่ที่ตัวเราเองทั้งนั้น


วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ผักส้ม

เมนูง่ายๆก็อร่อยได้เหมือนกัน เมนูนี้เรียกส้มผักนะจ๊ะ วันนี้จะใช้แค่ต้นหอม เพราะว่าเป็นความชอบส่วนตัวจ๊ะ บางคนอยากจะได้พวกกระหล่ำใส่ด้วยก็ได้ไม่มีปัญหา ภูมิปัญญาชาวบ้าน เคยทำตั้งแต่สมัยเด็กๆตอนนี้ต้องมารื้อฟื้นความทรงจำกันหน่อย

ส่วนประกอบ

1 ต้นหอมต้นใหญ่ สามสิบต้น
2 เกลือ 3 ช้อนชา
3 ข้าวเหนียวนึ่งสุก 2 ช้อนโต๊ะ



วิธีทำ

1 ) ล้างต้นหอมหั่นเป็นท่อนๆ ไม่ยาวมากสักประมาณฝ่ามือ
2 ) ใส่ต้นหอมลงในชามใบใหญ่ โรยเกลือแล้วคั้นต้นหอมกะเกลือจนให้น้ำออก
3 ) บีมน้ำทิ้ง แล้วใส่ข้าวเหนียวลงไป นวดๆให้ข้าวเหนียวเข้ากับผักจากนั้นใส่กระปุกหรือภาชนะกดให้แน่น ปิดฝา ทิ้งไว้ืัที่อุณภูมิห้อง แค่สองวันก็ได้กลิ่นส้มผักออกมาแล้ว วันที่สามเปรี้ยวพอดีๆกินได้เลย อือ เอาไว้ใส่ตำมั่วอร่อยดีนะ

แค๊ปหมูคนไกลบ้าน


วันนี้มีเมนูเด็ดมาฝาก เรียกว่าเป็นเมนูปราบเซียน เพราะว่ามีความยุ่งยากเหลือเกินกว่าจะกลายมาเป็นแค๊ปหมูได้ หลายคนบอกซื้อกินง่ายกว่าเยอะ เหอ เหอ ยังไงก็แล้วแต่วันนี้ก็เอามาฝากคุณแม่บ้านเผื่อว่าว่างๆอยากจะทำเมนูนี้ขึ้นมาเพราะว่าหนังหมูราคาแสนถูก ถูกกว่าเมืองไทยด้วยซ้ำ ทำเสร็จสามรถเก็บไว้กินได้นานๆ ไม่ว่าจะกินกะน้ำพริกหนุ่ม กินกะส้มตำ หรือว่าจะกินเล่นๆก็อร่อยนักแล ที่สำคัญทำเองสะอาด ปลอดภัยจ้า งั้นมาลงมือทำกันเลยดีกว่า

ส่วนประกอบ

1 หนังหมู 2 กิโลกรัม
2 เกลือ 4 ช้อนชา
3 น้ำมันสำหรับทอด

วิํีธีทำ

ปกติหนังหมูที่ซื้อมาจากร้านค้าที่นี่ค่อนข้างจะเลาะให้เหลือแต่หนังอยู่แล้ว มันไม่ค่อยมีติดหนังเท่าไหร่ทำให้ไม่ต้องยุ่งยากที่จะมานั่งขูดเอามันออก ซึ่งถ้าใครที่ซื้อหนังหมูมาแล้วติดมัน ขั้นแรกต้องต้มน้ำ ไม่ให้เดือดมากแล้วเอาหนังลงไปลงไปลวก ( อย่าให้สุก ) จากนั้นเอาขึ้นมาแล้วใช้ช้อนขูดๆส่วนที่เป็นมันออกแล้วค่อยหั่น วันนี้ขี้เกียจด้วยคะ เลยไม่ขูดมันคะติดมันนิดหน่อยไม่เป็นไร

1 ) หั่นหนังหมูเป็นชิ้นเล็กๆตามยาว ( แล้วแต่ใครชอบว่าจะหั่นแบบไหนคะ )
2 ) ต้มน้ำแล้วนำหนังหมูที่หั่นแล้วลงไปลวกคะ
3 ) เตรียมชามใบใหญ่ไว้เพื่อคลุำกหนังหมูกะเกลือคะ ถ้าใครอยากปรุงรสอย่างอื่นก็ใส่ได้คะ
4 ) นำหนังหมูใส่ถาดเตรียมเข้าไปอบคะ อุณหภูมิ 100 องศา ประมาณสัก45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง เพื่อทำให้น้ำที่อยู่ในหนังหมู พร้อมทั้งน้ำมันออกจากหนังหมูค่ะ ที่จริงถ้าอยู่เมืองไทยขั้นตอนนี้ไม่มีคะ เพราะว่าบ้านเราแดดแรง แค่ใส่กระเด้งไปตากแค่สองแดดก็ทอดได้แล้ว แต่อยู่นี่หาแดดไม่ค่อนเจอเท่าไหร่เลยต้องอาศัยวิํ๊ธีนี้แทน
5 ) ถ้าพอมีแดดอยู่บ้างหลังจากอบก็เอามาตากแดดสักสองวันนะคะ บางครั้งทำหน้าหนาว เราก็เอาไปทิ้งไว้ห้องใต้ดิน หนาวได้ใจก็แห้งได้เหมือนกัน สังเกตดูว่าหนังหมูจะแห้งไม่ติดกัน ก็พอที่จะทอดได้แล้วล่ะคะ
6 ) การทอดเป็นขั้นตอนที่น่ากลัวที่สุด ถ้าใช้หม้อทอดของที่นี่มีฝาปิด เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ทอดทีไรจะใช้หม้อใบสูง ทรงคล้ายๆหม้อนึ่งบ้านเรา เพราะว่าจะช่วยไม่ให้น้ำมันกระเด็นมาก แต่เตือนไว้ก่อนใส่เสื้อแขนยาวป้องกันน้ำมันกระเด็นด้วยนะคะ ตั้งน้ำมันให้ร้อนแล้วก็จัดการทอดได้เลย แต่เราไม่ได้ทอดแค่รอบเดียวนะ รอบแรกทอดแค่สุึกๆ มันจะเหนียวๆแล้วตักไว้ให้เย็น จากนั้นก็ทอดรอบสองจะพองมากและกรอบใช้ได้เลย ทอดเสร็จผึ่งไว้สักครู่หนังหมูก็จะแห้ง แล้วจัดการเก็บไม่ให้อากาศเข้า เอาไว้กินได้นานๆ้เลยจ้า แต่อย่ากินมากนะคะ กินแล้วอ้วนนะ ฮ่าๆๆๆ ว่าแล้วก็ทำน้ำพริกหนุ่มไว้กินกะแค๊ปหมูก็ดีนะเนี่ยะ แล้วจะหาสูตรมาฝากคุณแม่่บ้านนะจ๊ะ


วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ปลาส้ม Karpfen



วันนี้คุณพี่นา ได้ปลาตัวใหญ่มาให้ แล้วจะทำอะไรกินดีละ ปลาสดๆแบบนี้มาอยู่ที่ออสเตรีย หากินยากจัง ส่วนใหญ่จะได้กินปลาแช่แข็งมากกว่า คราวที่แล้วไปงานวันเกิดเพื่อนแฟนมา เค้าตกปลาได้ตัวใหญ่แบบนี้เลย แต่ปล่อยลงน้ำไป(เสียดาย) เจ้าของบ่อตกปลา บอกว่า คนที่นี่เค้าไม่กินกันเพราะว่าปลามัน มันมาก แหม๋... สำหรับเรามันๆซิอร่อย ยิ่งที่พุงนะ อือ ของโปรดเลย แต่อย่างว่า คนที่นี่กินปลาไม่มีก้าง ถ้าติดก้างหน่อยก็ไม่กินแล้ว เลยเป็นโชคดีของเรา ปลา Karpfen เป็นปลาน้ำจืดของที่นี่ ดูแล้วคล้ายๆปลาไน บ้านเรา แต่พอคลักเอาไส้ออก ตรงพุงกลวงโบ๋เลย ก้างเล็กฝังอยู่ในเนื้อปลา เลาะออกไม่ได้ เอาออกได้แค่ก้างใหญ่ๆเท่านั้น เห็นแล้วคิดเมนูออกมาทันที อย่างแรกต้องต้มยำหัวปลา และเมนูที่อยากกินมานาน ปลาส้ม เลาะเอาส่วนที่เป็นเนื้อไม่ติดก้าง ส่วนที่ติดก้างเอาไว้บดทำทอดมันดีกว่า

ส่วนประกอบ

เนื้อปลา Karpfen 350 กรัม

กระเทียม 10 กลีบ

เกลือ 3 ช้อนชา

ข้าวเหนียวนึ่งสุก ครึ่งถ้วยเล็ก

วิธีทำ

เลาะเอาเนื้อปลาไม่ติดก้าง ล้างน้ำให้สะอาด ตำกระเทียมไม่ให้ละเอียดมาก เอาข้าวเหนียวผสมน้ำนิดหน่อย เพื่อให้ให้ข้าวเหนียวติดเป็นก้อน เอาเนื้อปลาใส่ชามใบใหญ่เพื่อง่ายสำหรับนวด ใส่เกลือ กระเทียมและข้าวเหนียวรวมกัน คั้นให้เครื่องทุกรวมเข้ากับเนื้อปลา จากนั้นใส่เนื้อปลาทั้งหมดลงในกระปุก กดให้แน่น ปิดฝาเก็บไว้ในห้องอุณหภูมิปกติ ใช้เวลาประมาณสองวันจะเริ่มมีน้ำออกและเริ่มเปรี้ยว ใครที่ชอบเปรี้ยวมากก็ทิ้งไว้ต่ออีกวันถึงสองวัน จากนั้นจะทอดหรือจะหมกก็แล้วแต่ใครจะชอบเด้อจ้า

วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรื่องเริ่ม เริ่มเรื่อง

ก่อนอื่นก็ต้องสวัสดี ผู้อ่านผู้ติดตามทุกท่าน เรื่องเริ่ม เริ่มเรื่องนี่แหละที่มันยาก เพราะยังหาจุดยืนให้ตััวเองยังไม่ได้ว่าจะเขียนเรื่องราวอะไรดีให้ผู้อ่านผู้ติดตาม แต่ก็ต้องขอขอบคุณพี่สาวผู้แสนใจดีและน่ารักที่ช่วยแนะนำ ในเรื่องการทำ Blogger เค้าว่ากันว่าเขียนบทความแล้วมันทำเงินได้ อยากรู้ต้องพิสูจน์ และคำถามก็มีอยู่ว่าจะเขียนเรื่องอะไรดีล่ะ ? อ๋อ เรื่องกินไงเรื่องใหญ่เลย เพราะว่าตัวเองชอบ เขียนเรื่องที่ตัวเองชอบมันน่าจะดี

ถ้าพูดเรื่องการกินและปากๆท้องๆของสาวไทยในออสเตรีย หรือว่าสาวไทยในต่างประเทศทั่วทุกมุมโลกละก็ แหม๋..อาหารบางอย่างอยู่เมืองไทย ไม่เคยคิดจะทำกินเองแน่ๆ ซื้อกินนะง่ายสุดๆ แุถมอร่อยด้วย แต่มาอยู่ที่นี่ด้วยค่าครองชีพที่แสนแพง บางคนก็อยู่ไกลจากร้านขายของ นานๆจะมีเวลาไปร้านไทย ร้านเอเชีย โชคดีบางคนกินอาหารของฝรั่งเค้าได้ ก็สบายไป แต่อย่างเราซิ กินได้บ้างไม่ได้บ้าง หรือบางครั้งก็คิด อยากกินอะไรขึ้นมา จะมีรถเข็ญมาขายที่หน้าบ้านก็ไม่มี อะไรที่พอกินทำเองได้ก็ต้องทำ เพื่อประทังความอยาก ก่อนอื่นต้องออกตัวไว้ก่อนว่าไม่ใช่ แม่ครัวฝีมือเลิศรส แต่จะเขียนบอกเล่า แบ่งปัน สูตรอาหาร การถนอมอาหาร หรือเคล็ดไม่ลับ ให้กับเพื่อนๆบ้าง เผื่อว่าใครอยากจะทำกินเองบ้าง

ช่วงนี้เข้าช่วง Sommer สาวๆที่วีน (Wien )มีปาร์ตี้กันบ่อยๆ ขาดไม่ได้ปาร์ตี้เมื่อไหร่ได้ทานอาหารไทยอร่อยๆ ถ้าได้พบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆแน่นอนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการกินแน่ๆ